ฟิลเลอร์เพื่อคุณภาพผิว

การฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต เพื่อปรับคุณภาพผิว(ฟิลเลอร์เพื่อคุณภาพผิว)

คุณภาพผิวหมายถึงลักษณะทางสายตา สัมผัส และกลไกของผิว เช่น ความชุ่มชื้น ความเรียบเนียน ความยืดหยุ่น และความกระจ่างใส ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของความงามตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การดูแลคุณภาพผิวมักถูกมองข้ามในการรักษาด้านความงาม

การฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต (Microdroplet Injection) เป็นหัตถการที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และให้ความพึงพอใจสูงแก่ผู้รับบริการ หากใช้เทคนิคที่เหมาะสมสามารถให้ผลลัพธ์ที่แน่นอน โดยไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดกิจกรรมทางสังคม

ผู้ป่วยมักรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวภายในไม่กี่วัน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ใช้

• คุณภาพผิวประกอบด้วยลักษณะทางสายตา สัมผัส และสมบัติเชิงกลของผิว เช่น ความชุ่มชื้น ความเรียบเนียน ความยืดหยุ่น และความกระจ่างใส ผิวที่มีสุขภาพดีถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของความงามที่มองเห็นได้

• การดูแลคุณภาพผิวถือเป็นการรักษาด้านความงามที่สำคัญ แต่กลับมักถูกมองข้าม

• การฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ตเพื่อปรับคุณภาพผิว เป็นหัตถการที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และให้ความพึงพอใจสูงในกลุ่มผู้รับบริการ

• หากใช้เทคนิคอย่างเหมาะสม จะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอน โดยไม่ต้องหยุดกิจกรรมทางสังคม

• ผู้รับบริการมักสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวภายในไม่กี่วัน และระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้

โดยดั้งเดิม ฟิลเลอร์ชนิดฉีดในชั้นผิวหนังถูกใช้เพื่อเพิ่มปริมาตรของเนื้อเยื่ออ่อน เพื่อชดเชยการยุบตัวของกระดูกและการฝ่อลงของชั้นไขมันซึ่งเป็นผลจากความชราภาพ อย่างไรก็ตาม การเติมปริมาตรเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาภาพรวมของสีผิวและลักษณะผิวที่เปลี่ยนแปลงตามวัย

การฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต (HA Microdroplet Injection) เพื่อเสริมคุณภาพผิว เป็นหัตถการที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยใช้รักษาบริเวณใบหน้า คอ และเนินอก (décolleté) แม้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้จะเป็น HA เช่นเดียวกับฟิลเลอร์ แต่การใช้งานมีจุดประสงค์แตกต่างกัน คือไม่ได้เน้นเพิ่มวอลุ่ม แต่เน้น การปรับคุณภาพผิว ในมิติที่ไม่เกี่ยวกับปริมาตร เช่น ความเรียบเนียน ความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น และความกระจ่างใสของผิว ซึ่งเป็นลักษณะที่มักเสื่อมถอยลงตามวัย

คุณภาพผิว (Skin Quality)

คุณภาพผิวเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความงาม แม้ว่าจะยังได้รับการศึกษาไม่มากเท่าที่ควร ผิวที่ดูไร้ที่ตินั้นอาจนิยามได้ยาก แต่กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนปรารถนาและเข้าใจได้ในเชิงสัญชาตญาณ

ปัจจุบัน “การปรับปรุงคุณภาพผิว” เริ่มกลายเป็นหนึ่งในแรงจูงใจหลักของผู้เข้ารับการรักษาด้านความงาม โดยไม่จำกัดเพศหรืออายุของผู้ป่วย

คุณภาพผิวนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับการรับรู้ความงาม และยังส่งผลในเชิงจิตใจและสังคมต่อบุคคล และวิธีที่บุคคลนั้นปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

คำว่า “คุณภาพผิว” โดยสรุปหมายถึง ลักษณะผิวที่เรียบเนียน ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวที่มีคุณภาพดีจะดูสดใส เรียบลื่น ยืดหยุ่น และอิ่มน้ำ ในทางกลับกัน ผิวที่ขาดคุณภาพมักแสดงออกเป็นความหยาบกร้าน หมองคล้ำ รูขุมขนเด่นชัด ผิวแห้งเป็นขุย หรือมีความหย่อนคล้อย

แม้ว่าคุณลักษณะบางอย่างของผิว เช่น ความยืดหยุ่นและความเรียบเนียน จะลดลงตามอายุ แต่คุณภาพผิวที่ไม่ดีไม่ได้หมายความว่าเป็นผลจากความชราเสมอไป ดังนั้น ถึงแม้ว่าในวงการความงามจะให้ความสำคัญกับการต่อต้านความเสื่อมจากวัย แต่ก็ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องคำนึงถึงคุณภาพผิวโดยรวมในการวางแผนรักษาผู้ป่วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ด้านความงามที่สมบูรณ์ที่สุด

การคัดเลือกผู้ป่วย ความคาดหวัง และความพึงพอใจ

การฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต (HA micro) เพื่อปรับคุณภาพผิว เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและคาดการณ์ได้ โดยครอบคลุมพื้นที่กว้าง (field treatment) และสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกประเภทผิว

ทั้งแพทย์และผู้ป่วยควรมีความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องเป้าหมายของการรักษา เนื่องจากหัตถการนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเติมวอลุ่ม เหมือนฟิลเลอร์ที่มีค่า G’ ต่ำ แต่เน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวในด้านต่างๆ เช่น ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความเรียบเนียน

การรักษานี้ถือเป็นวิธีเสริมที่ สามารถใช้ร่วมกับหัตถการความงามอื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อชะลอหรือแก้ไขสัญญาณแห่งวัย และไม่ได้มีเจตนาเพื่อทดแทนหัตถการอื่น ๆ ในแผนการรักษาความงามโดยรวม

ผู้ป่วยมักมีความพึงพอใจสูง หากเป้าหมายของการรักษาสอดคล้องกับความคาดหวังที่สมเหตุสมผล

HA micro ยังสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบผสมผสาน (combination therapy) ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้อย่างดี ภายใต้แผนการดูแลด้านผิวหนังเพื่อความงามอย่างครอบคลุม  อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การใช้ร่วมกันและความปลอดภัยโดยรวมยังคงต้องการการศึกษามากขึ้นในทางคลินิก

ผู้ป่วยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฉีด HA Micro

ผู้ที่เหมาะกับการฉีด HA micro คือผู้ที่ต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น จุดมุ่งหมายของหัตถการนี้คือเพื่อปรับปรุง ความกระจ่างใส ความชุ่มชื้น ความแน่น ความเรียบเนียน และความยืดหยุ่นของผิว ซึ่งล้วนเป็นคุณลักษณะผิวในอุดมคติที่ผู้ป่วยแทบทุกคนที่เข้ารับการรักษาความงามต้องการ ดังนั้น ผู้ป่วยแทบทุกคนสามารถเป็นผู้เหมาะสมสำหรับหัตถการนี้ได้

ผู้เขียนบทความได้ระบุลักษณะของผู้ป่วยบางกลุ่มที่เหมาะเป็นพิเศษกับการรักษาด้วย HA micro ได้แก่:

• กลุ่มวัยหนุ่มสาวที่ต้องการ “Prejuvenation” (คือการป้องกันหรือชะลอการเปลี่ยนแปลงของผิวที่เกิดจากความชรา)
• กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการมีผิวดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

อีกกลุ่มที่ตอบสนองดีคือ ผู้ที่ไม่ชอบการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมวอลุ่ม ซึ่งควรได้รับการอธิบายว่า แม้ผลิตภัณฑ์ HA micro จะมีส่วนประกอบเป็นไฮยาลูโรนิกแอซิดเช่นเดียวกัน แต่มีคุณสมบัติและการทำงานที่ต่างจากฟิลเลอร์ กล่าวคือ ไม่ได้มีหน้าที่เพิ่มวอลุ่ม เว้นแต่ในกรณีพิเศษที่ต้องใช้ HA ความหนืดต่ำที่ให้แรงยก (lift) น้อยมาก

สุดท้าย การฉีด HA micro ยังเหมาะกับ ผู้ป่วยที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมองหาวิธีเสริมความงามเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้าเดิมมากนัก

บทบาทของ HA Micro ในแผนการรักษาแบบองค์รวม

การฉีดเพื่อเสริมคุณภาพผิวด้วย HA micro ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งในฐานะการรักษาเริ่มต้น สำหรับผู้มีปัญหาคุณภาพผิว และ ในฐานะหัตถการเสริม ภายใต้แผนการดูแลความงามแบบครอบคลุม

ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ยังพบว่ามี ประโยชน์ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่ยืดขยายได้ (distensible acne scars) โดยอาจใช้เดี่ยวหรือร่วมกับหัตถการอื่น เช่น โบทูลินัมท็อกซิน การตัดพังผืดใต้ผิว (subcision) หรือหัตถการใช้พลังงาน เช่น เลเซอร์

ผู้ป่วยที่มี ผิวแห้งหรือผิวหยาบกร้าน มักตอบสนองดีต่อการรักษานี้ ในขณะที่กลุ่มที่มี การเสื่อมสภาพจากแสง (photoaging) ขั้นรุนแรง ผิวหนา ผิวคล้ำ หรือเป็นเพศชาย อาจต้องใช้ ปริมาณผลิตภัณฑ์มากขึ้น หรือรับการรักษาหลายครั้ง

ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับระดับคุณภาพผิวของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวเสียจากแสงแดดชัดเจนมักต้องใช้ปริมาณที่มากกว่าปกติ

ผลิตภัณฑ์และกลไกการออกฤทธิ์

การฉีด HA micro ดำเนินการด้วยการใช้เจลไฮยาลูโรนิกแอซิดชนิดที่มีค่า G’ ต่ำ (Low-G’) ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับปรุงคุณภาพผิวบริเวณใบหน้า ลำคอ และเนินอก (décolleté) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายสูตรวางจำหน่ายในท้องตลาด โดยแต่ละสูตรมีคุณสมบัติเฉพาะตัว (ดูตารางด้านล่าง) อย่างไรก็ตาม ควรระวังว่า คุณภาพการศึกษา ที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความหลากหลาย ทั้งในด้านขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวนครั้งในการรักษา และระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ได้

Juvéderm Volite เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีการศึกษาทางคลินิกที่แสดงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและคงทนหลังการฉีดเพียงครั้งเดียว

ถึงแม้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีการใช้อย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก แต่ ยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สหรัฐอเมริกา ณ เวลาที่ตีพิมพ์บทความนี้

ตารางผลิตภัณฑ์สำหรับการฉีดเพื่อเสริมคุณภาพผิว

มีข้อเสนอเกี่ยวกับ กลไกการออกฤทธิ์หลายประการ ของการฉีด HA micro ที่ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพผิวและความกระจ่างใสของผิว ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ (ดู Box 1)

ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) เป็นโมเลกุลที่มีคุณสมบัติ ดึงดูดน้ำ (hydrophilic) จึงสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและความตึงของผิว (skin turgor) ได้จากคุณสมบัตินี้โดยตรง

อย่างไรก็ตาม HA micro ยังมี กลไกอื่น ๆ ที่ลึกซึ้งกว่า ในการฟื้นฟูคุณภาพผิว เช่น

• การกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (neocollagenesis)
• การส่งเสริมการสร้างโครงสร้างเมทริกซ์นอกเซลล์ (extracellular matrix)

คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยชะลอหรือแก้ไขปัญหา ความหย่อนคล้อย ความหยาบ และความหมองคล้ำของผิว ที่เกิดจากความชรา

นอกจากนี้ ผลของการเติมเต็มชั้นผิวหนังโดยตรงในระดับตื้น (cutaneous microfilling) ช่วยลดริ้วรอยหรือความไม่สม่ำเสมอของผิว และเทคนิคการฉีดซ้ำ ๆ ในรูปแบบตาข่าย (grid-like pattern) เองก็สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เพิ่มเติม

Box 1

กลไกการออกฤทธิ์ของการฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต

• โครงสร้างโมเลกุลที่ดึงดูดน้ำ (Hydrophilic molecular structure)
• การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis)
• การเติมเต็มผิวในระดับตื้น (Cutaneous microfilling)
• ผลกระตุ้นจากการใช้เข็มขนาดเล็กซ้ำ ๆ (Microneedling effect)

ข้อควรพิจารณาทางเทคนิค

การเตรียมการ:
ผลิตภัณฑ์ HA micro นี้บรรจุในไซริงค์ขนาด 1 มิลลิลิตร โดยทั่วไป การรักษาบริเวณใบหน้าจะต้องใช้ ประมาณ 2 มิลลิลิตรหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับคุณภาพผิวก่อนเริ่มรักษา  ส่วนการรักษาบริเวณอื่นนอกเหนือจากใบหน้า มักต้องใช้ปริมาณมากกว่า หรือจำนวนครั้งในการรักษามากขึ้น

ก่อนฉีด:
สามารถใช้ น้ำแข็งหรายาชาทาเฉพาะที่ เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ จากนั้นต้อง ทำความสะอาดบริเวณที่จะรักษา อย่างทั่วถึง โดยใช้สารฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ไอโซโพรพิล 70% หรือคลอร์เฮกซิดีน 4%

ผู้เขียนแนะนำให้ใช้เทคนิคฉีดแบบที่ระบุไว้ในฉลาก (on-label) โดยใช้ เข็มเบอร์ 32 G ขนาด ½ นิ้ว หลายเล่ม เพื่อให้สามารถควบคุมทิศทางและปริมาณยาได้อย่างแม่นยำ และปรับแต่งให้เหมาะกับลักษณะเฉพาะของผิวและแผนการรักษาของแต่ละคน

เข็มขนาด 32 G นี้เหมาะสมเพราะให้ ความสบายสูงและมีโอกาสช้ำต่ำ แต่ควรทราบว่าเข็มชนิดนี้ ทู่เร็ว จึงควร เปลี่ยนเข็มบ่อยระหว่างการทำหัตถการ

เทคนิคการฉีดนี้แตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างมาก แม้ว่ารูปแบบการฉีดจะไม่ซับซ้อน แต่ตำแหน่งการวางผลิตภัณฑ์ต้องแม่นยำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน (ดู Box 2)

ตำแหน่งที่เหมาะสมคือ ชั้นหนังแท้ลึก (deep dermis) หรือ ใต้ผิวหนังทันที (immediate subdermis) ควร ดึงผิวให้ตึง แล้ว สอดเข็มในมุม 0 ถึง 45 องศา จากผิวหนังเพื่อให้เห็นระดับความลึกของเข็ม

ควร หลีกเลี่ยงการฉีดตื้นเกินไป เพราะอาจเกิดตุ่มนูน (bleb) ซึ่งอาจไม่ยุบได้เอง หากเห็น bleb ให้ นวดทันที เพื่อกระจายยา

รูปแบบการฉีด:

โดยใช้เข็ม 32 G ขนาด ½ นิ้ว ฉีดเป็น microdepot ขนาด 0.01 ถึง 0.05 มิลลิลิตร ต่อจุด ในรูปแบบตาราง (grid-like pattern) ทุก ๆ 0.5 ถึง 1 ซม. ทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา

แนะนำให้เริ่มฉีดที่บริเวณ แก้มด้านข้าง (lateral malar cheek) ซึ่งเป็นบริเวณที่รู้สึกเจ็บน้อยและมองเห็นได้น้อย เพื่อให้แพทย์สามารถ ปรับแรงกดและเทคนิค ได้ก่อนฉีดในตำแหน่งอื่น

หากพบผิวบริเวณใดมีความผิดปกติชัดเจน เช่น เนื้อผิวไม่เรียบ หรือรูขุมขนกว้าง อาจฉีดเพิ่มเติมในจุดนั้นโดยเฉพาะ

ผิวที่เสียหายมากอาจต้อง เพิ่มความถี่ของจุดฉีด หรือ เพิ่มปริมาณต่อจุด

แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงการใช้ คานูลา หรืออุปกรณ์สแตมป์/เครื่องฉีดอัตโนมัติ แต่ยังมีข้อมูลวิจัยรองรับน้อย อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ การวางจุดฉีดมีความสม่ำเสมอและลึกอย่างแม่นยำ มากขึ้น

โดยทั่วไปหัตถการใช้เวลา 5–10 นาที หากมีผู้ช่วยทางคลินิกช่วยเปลี่ยนเข็มอย่างมีประสิทธิภาพ

Box 2

สรุปเทคนิคการฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิดแบบไมโครดรอปเล็ต

• ใช้เข็ม 32 G ขนาด ½ นิ้ว สอดในมุม 0–45 องศาจากผิว
• ฉีดขนาด 0.01–0.05 มล. ต่อจุด ในชั้นหนังแท้ลึกหรือใต้ผิวทันที
• ใช้ปริมาณรวมประมาณ 2–3 มล. สำหรับใบหน้าทั้งหมด
• เพิ่มความหนาแน่นของจุดฉีดในบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์มากขึ้น (เช่น ริ้วรอยรอบปาก หางตา รูขุมขนกว้าง เป็นต้น)
• พิจารณาเริ่มฉีดจากบริเวณด้านข้างใบหน้า เพื่อปรับแรงฉีดและเทคนิคให้เหมาะสม

ภาวะแทรกซ้อนและการดูแลหลังหัตถการ

ด้วยการเปลี่ยนเข็มอย่างสม่ำเสมอและการจัดการเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย การฉีด HA micro ถือเป็นหัตถการที่ทนได้ดีมาก โดยทั่วไปจะมีเพียง รอยช้ำและบวมเล็กน้อย และ ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ

คำแนะนำหลังการทำหัตถการ คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ HA ทั่วไป โดยควรแจ้งผู้ป่วยว่า ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที แต่จะค่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 5 ถึง 10 วันหลังการรักษา

แม้ยังต้องการการศึกษาต่อยอดเพิ่มเติม ข้อมูลที่มีอยู่บ่งชี้ว่า ผลการปรับคุณภาพผิวจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และอาจเห็นผลสูงสุดในช่วงหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนหลังการฉีดครั้งแรก ซึ่งสอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้เขียน

ระยะเวลาของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสูตรของผลิตภัณฑ์ HA micro ที่ใช้ และผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาซ้ำตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อ คงสภาพผิวที่ดีอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากการรักษานี้เน้น ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปหน้าเหมือนการเติมวอลุ่ม จึงควรใช้ การถ่ายภาพทางคลินิกที่มีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลได้ชัดเจน ในทางปฏิบัติ ผู้ป่วยมัก รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางสัมผัสได้ดี โดยเฉพาะในแง่ของ ความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนของผิว

ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย ได้แก่:

• รอยช้ำ
• อาการบวม
• ความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย

ตุ่มนูนที่เกิดขึ้นช้าหลังฉีด (late-onset papules) พบได้น้อยมากแต่สามารถเกิดได้

เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์ทุกชนิด การฉีดเข้าเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ อาจทำให้หลอดเลือดผิวหนังตีบหรือตันได้ (vascular compromise) อย่างไรก็ตาม การวางยาอย่างถูกต้องใน ชั้นหนังแท้ลึก (intradermal layer) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อ ก้อนนูนหรือตีบของหลอดเลือด

ตุ่มนูนผิว (blebs) ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจไม่หายได้เอง ถ้าเกิดตุ่มนูนขณะฉีด ควรนวดบริเวณนั้นทันที เพื่อกระจายยา

บทสรุป

ในการดูแลผิวที่เสื่อมตามวัยบริเวณคอ ใบหน้า และเนินอกอย่างครอบคลุม ควรให้ความสำคัญกับ ความชุ่มชื้น ความกระจ่างใส เนื้อสัมผัส และความยืดหยุ่นของผิว ควบคู่ไปกับการเติมวอลุ่ม

การฉีด HA micro เพื่อปรับคุณภาพผิว เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งช่วยตอบโจทย์องค์ประกอบเหล่านี้ที่มักถูกมองข้าม